Fusion Ultrasound เปิดโอกาส เพิ่มประสิทธิภาพการรักษามะเร็งตับ

Fusion Ultrasound เปิดโอกาส เพิ่มประสิทธิภาพการรักษามะเร็งตับ


ปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งตับมีหลายทางเลือกขึ้นอยู่กับระยะ อาการ และความรุนแรง รวมถึงโรคร่วมของผู้ป่วยแต่ละราย นอกเหนือจากการรักษาหลักด้วยการผ่าตัดแบบเปิด อีกหนึ่งทางเลือกคือ การผ่าตัดแผลเล็กโดยใช้เครื่องมือทันสมัย เพื่อช่วยให้สามารถมองเห็นอวัยวะภายในร่างกาย และทำการใส่อุปกรณ์ขนาดเล็กเข้าไปทำลายก้อนเนื้อหรือมะเร็ง ซึ่งวิธีนี้นอกจากเกิดอันตรายต่อเนื้อเยื่อต่าง ๆ น้อยแล้ว ผู้ป่วยยังสามารถฟื้นตัวได้เร็ว และลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน ทำให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

 

เทคโนโลยีรักษามะเร็งตับ

เครื่องอัลตราซาวนด์นับเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการมองเห็นอวัยวะในร่างกายเป็นอย่างมากจากภาพที่ปรากฏ ช่วยให้แพทย์สามารถรักษาโรคได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามการใช้อัลตราซาวนด์ไม่สามารถมองเห็นจุดหรือก้อนเนื้อในอวัยวะได้เสมอไป โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะที่ซับซ้อน ทำให้ผู้ป่วยบางคนเสียโอกาสในการเข้ารับการรักษาด้วยวิธีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง เช่น การจี้ทำลายก้อนมะเร็งตับด้วยคลื่นไมโครเวฟ (Microwave Ablation)

ดังนั้นเมื่อทำการตรวจพบมะเร็งในร่างกายด้วยการตรวจที่มีความละเอียด เช่น เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT SCAN) หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เทคโนโลยีทางการแพทย์และทางวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยที่เรียกว่า Fusion Imaging คือ การนำเอาภาพจากการตรวจ 2 ชนิดคือ ภาพจาก CT Scan และภาพจาก MRI มาผสมผสานกันเป็นภาพ 4 มิติ เพิ่มความละเอียดและคมชัด ทำให้ใช้เครื่องอัลตราซาวนด์ในการมองเห็นอวัยวะและก้อนเนื้อได้จากเดิมที่มองไม่เห็นหรือมองเห็นได้ไม่ชัดเจน

 

รศ.นพ.คมกริช ฐานิสโร แพทย์เฉพาะทางด้านรังสีร่วมรักษามะเร็ง โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถได้อธิบายถึงวิธีการสร้างภาพ Fusion Imaging มาใช้ในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งตับ ร่วมกับวิธีการใช้เข็มความร้อนไมโครเวฟ (Microwave Ablation) ซึ่งวิธีการสร้างภาพแบบใหม่นี้ ทำให้ก้อนเนื้อในตับถูกมองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นและถูกทำลายได้โดยเครื่องมือในการรักษามะเร็งคือ เข็มความร้อนไมโครเวฟที่ตรงตำแหน่งและรวดเร็ว ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพ โอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนต่ำ ใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลเพียง 1 คืน แล้วสามารถกลับไปทำงานหรือใช้ชีวิตได้เป็นปกติได้ภายใน 2 – 3 วัน เนื่องจากแผลเล็กเพียง 2 – 3 มิลลิเมตร นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเพิ่มโอกาสการรักษาให้ผู้ป่วยมะเร็งตับหายจากโรคและกลับไปมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านโรคมะเร็ง