มะเร็งปอด
ข้อเท็จจริง
- จากข้อมูลทางสถิติในอดีตจนถึงปี 2018 พบว่า โรคมะเร็งปอดเป็นโรคที่คร่าชีวิตคนไทยมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มมะเร็งทั้งหมดและยังเป็นสาเหตุในการเสียชีวิตที่สูงที่สุดของมะเร็งทุกชนิด เนื่องจากเวลาที่ตรวจพบโรค ผู้ป่วยจำนวนมากจะอยู่ในระยะที่ 4 หรือระยะแพร่กระจายไปอวัยวะอื่น ๆ แล้ว
การตรวจวินิจฉัย
- มีการศึกษามากมายในอดีตเกี่ยวกับการ “คัดกรองมะเร็งปอด” โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เสมหะหาเซลล์มะเร็ง (Sputum Cytology) และเอกซเรย์ปอด (Chest X-Ray) แต่จากการศึกษาเหล่านั้นไม่สามารถแสดงถึงการช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งปอดมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นได้จากการคัดกรองด้วยวิธีดังกล่าว เนื่องจากเอกซเรย์ปอดนั้นไม่สามารถค้นพบมะเร็งปอดในระยะเริ่มต้นที่ยังไม่เป็นก้อนทึบ (Subsolid Nodule/Ground Glass Nodule) เพราะความละเอียดไม่เพียงพอ ดังนั้นถึงแม้ว่าตรวจเอกซเรย์ปอดแล้วไม่เจอจุดในปอด (Lung Nodule) แพทย์จึงไม่สามารถยืนยันชัดเจนได้ว่า ไม่มีมะเร็งปอด ในทางกลับกันอาจทำให้ผู้รับการตรวจเข้าใจผิดไปว่าตนเองไม่มีโรคมะเร็งปอด ซึ่งก่อให้เกิดผลเสียในภายหลังได้
- มีการศึกษาในปี 2011 มีการตีพิมพ์ผลงานของ National Lung Screening Trial1 (NLST) ของประเทศสหรัฐอเมริกาที่คัดกรองใน “ประชากรที่มีความเสี่ยงสูง (High Risk Group)” แสดงให้เห็นว่า การใช้เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปอดโดยใช้รังสีต่ำ (Low Dose CT Chest) เป็นตัวคัดกรอง เมื่อเทียบกับเอกซเรย์ปอด (Chest X-Ray) โดยทำการตรวจปีละครั้ง ผลคือสามารถลดการเสียชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างชัดเจนถึง 20% เนื่องจากผลการศึกษามีความสำคัญทางนัยสถิติมาก
- ปัจจุบันสมาคมแพทย์ทั่วโลก เช่น NCCN (National Comprehensive Cancer Network) ASCO (American Society of Clinical Oncology) และ ACCP (American College of Chest Physicians) ได้แนะนำให้ตรวจคัดกรองมะเร็งปอดในประชากรที่มีความเสี่ยงสูง ด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปอดโดยใช้รังสีต่ำ (Low Dose CT Chest)
กลุ่มเสี่ยง
ประชากรที่มีความเสี่ยงสูง (High Risk Group)
ประชากรที่มีความเสี่ยงสูง (High Risk Group) จาก NLST ต้องมีข้อกำหนดทั้ง 3 ข้อ ดังนี้
- อายุ 55 ถึง 74 ปี
- กำลังสูบบุหรี่หรือเคยสูบบุหรี่ระยะเวลาเฉลี่ยมากกว่า 30 ปีและมากกว่า 1 ซองต่อวัน (หรือเท่ากับ 30 pack-year)** ยกตัวอย่างเช่น
- สูบบุหรี่มา 15 ปี เฉลี่ยวันละ 2 ซอง
- สูบบุหรี่มา 30 ปี เฉลี่ยวันละ 1 ซอง
- สูบบุหรี่มา 20 ปี เฉลี่ยวันละ 1 ซองครึ่ง
** จำนวน pack-year คือ จำนวนปีที่สูบ X จำนวนซองบุหรี่ที่สูบต่อวัน
- หยุดสูบบุหรี่มาไม่เกิน 15 ปี
นอกเหนือจากการสูบบุหรี่แล้ว การวิเคราะห์ข้อมูลจาก NLST เพิ่มเติม2 พบว่ามีตัวแปรอื่น ๆ ร่วมด้วย ได้แก่
- อายุ
- เพศ
- เชื้อชาติ
- น้ำหนักและส่วนสูง
- ระดับการศึกษา
- ประวัติมะเร็งปอดของครอบครัว ประวัติมะเร็งอื่นของผู้คัดกรอง รวมถึงประวัติการเป็นถุงลมโป่งพอง
ประชากรที่อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงปานกลาง
ประชากรที่อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงปานกลาง คือ กำลังสูบบุหรี่หรือเคยสูบบุหรี่ระยะเวลาเฉลี่ยมากกว่า 20 ปีและมากกว่า 1 ซองต่อวัน (20 pack-year) หรือมีความเสี่ยงอื่น ๆ เช่น มีบุคคลอื่นในครอบครัวสูบ (Second-Hand Smoker) อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นปัจจัยเสี่ยง เช่น ธูป ฝุ่นละอองควัน เป็นต้น ในปัจจุบันยังไม่มีข้อแนะนำให้คัดกรองด้วยเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ปอดโดยใช้รังสีต่ำ แต่กำลังมีการศึกษาในประชากรกลุ่มนี้ ซึ่งทำให้ข้อแนะนำอาจเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต
ปัจจัยเสี่ยง
-
ธูป
ควันจากธูปนั้นแตกต่างกับบุหรี่ โดยที่ธูปนั้นเป็นผลกระทบโดยอ้อมคล้ายกับผู้ได้รับบุหรี่มือสอง (Second – Hand Smoker) ส่วนบุหรี่นั้นเป็นการสูบเข้าปอดโดยตรง ทำให้การวัดปริมาณการได้รับทำได้ค่อนข้างยาก อย่างไรก็ตามมีการศึกษาในประเทศจีน2-6 ในสัตว์ทดลองหรือการเก็บข้อมูลย้อนหลังในประชากรพบว่า การได้รับควันธูปเป็นระยะเวลานาน ทำให้มีผลกระทบกับเนื้อเยื่อปอดและอาจส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงเป็นมะเร็งในอนาคตได้ ดังนั้นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็งปอด เช่น มีประวัติมะเร็งปอดในครอบครัว เป็นโรคถุงลมโป่งพอง โรคหอบหืด ควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีควันจากธูปหนาแน่นหรือใส่หน้ากากที่กรองอนุภาคขนาดเล็กได้
-
ฝุ่นละอองควัน 2.5 (PM 2.5)
ฝุ่นละอองควัน (Particulate Matter หรือ PM) 2.5 คือ สสารที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน เกิดจากควันรถ การเผาไหม้ สถานที่มีการก่อสร้าง เป็นต้น ซึ่งมักพบในเมืองใหญ่ในประเทศกำลังพัฒนา เช่น กรุงเทพ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ การวัดความหนาแน่นจะใช้ดัชนีคุณภาพอากาศ (Air Quality Index, AQI) สารเหล่านี้เมื่อเข้าไปในหลอดลมของสิ่งมีชีวิตจะก่อให้เกิดการระคาย ตามด้วยการอักเสบของเนื้อเยื่อปอด ส่งผลกระทบต่อคนที่มีโรคปอดอักเสบ โรคหัวใจขาดเลือด รวมทั้งโรคมะเร็งปอดได้ โดยมีการศึกษาจำนวนมากจากประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา7-9 พบว่า มีผลต่อการเกิดมะเร็งปอดและการเสียชีวิตจากมะเร็งปอด ดังนั้นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงในช่วงเวลาที่ PM 2.5 มากกว่าเกณฑ์ในตาราง ควรหลีกเลี่ยงการออกนอกอาคาร ใช้เครื่องฟอกอากาศ หรือหากจำเป็นต้องออกนอกอาคารต้องใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นละอองควัน
ที่มา : http://aqicn.org/city/bangkok/
-
บุหรี่ไฟฟ้า
บุหรี่ไฟฟ้า (Electronic Cigarettes, E – Cigarettes) นั้นมีส่วนประกอบหลักคือ นิโคติน และผสมด้วยตัวทำละลาย (Propylene Glycol) กลิ่น และ รสต่าง มีจุดประสงค์คือ ลดการใช้บุหรี่ที่มีส่วนผสมของสารพิษคือ สารหนู (Arsenic) ตะกั่ว (Lead) และอื่น ๆ อีกมากมาย ยังไม่มีการศึกษาโดยตรงที่ทดสอบการเกิดมะเร็งปอดกับ E – Cigarettes แต่มีการศึกษาว่า การใช้ E – cigarettes ก่อให้เกิดการอักเสบกับทางเดินหายใจได้ ถึงแม้ว่าเมื่อเทียบกับบุหรี่แล้วน้อยกว่ามาก11-12 อย่างไรก็ตามมีความกังวลสำหรับการที่มีผลเสียน้อยกว่าบุหรี่ของ E – Cigarettes ทำให้ประชากรวัยรุ่นตัดสินใจลองใช้ได้ง่ายขึ้นและนำไปสู่การใช้สารเสพติดอื่นในอนาคต13
การป้องกัน
ห่างไกลมะเร็งปอด ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งเพิ่มโอกาสการรักษา
American Cancer Society แนะนำให้คนที่สูบบุหรี่หนัก (มากกว่า 30 pack – year) และยังสูบบุหรี่อยู่ หรือผู้ที่เคยสูบบุหรี่แต่เลิกสูบไปแล้วภายใน 15 ปีที่ผ่านมาและมีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไปต้องได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดด้วยการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปอดโดยใช้รังสีต่ำ (Low Dose CT Chest) เป็นประจำปีละครั้ง
“เพราะการตรวจพบมะเร็งปอดระยะเริ่มแรก นอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสการรักษาให้หายแล้วยังสามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วยในระยะยาวอีกด้วย”
Link: “Wattanosoth Early detection Center” https://wattanosothcancerhospital.com/centers-clinics/