รู้ทันมะเร็งต่อมไทรอยด์ก่อนลุกลาม

รู้ทันมะเร็งต่อมไทรอยด์ก่อนลุกลาม


ต่อมไทรอยด์เป็นต่อมที่อยู่ด้านหน้าลำคอ เมื่อผิดปกติจะโตขึ้นและเห็นเป็นก้อน บางครั้งก็เห็นเป็นก้อนเดี่ยว ๆ บางครั้งก็โตเป็นลักษณะหลาย ๆ ก้อนติดกัน และที่สำคัญคือ ก้อนที่เกิดบนต่อมไทรอยด์จะขยับเคลื่อนขึ้นลงขณะกลืนน้ำลาย ก้อนของต่อมไทรอยด์เป็นความผิดปกติที่ตรวจพบได้บ่อยและมีอุบัติการณ์สูงขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนหนึ่งจากการตรวจพบโดยบังเอิญในผู้ป่วยที่ได้รับการตรวจวินิจฉัยความผิดปกติอื่น ๆ บริเวณคอและช่องอก โดยในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมานี้มีอุบัติการณ์ของผู้ป่วยใหม่ที่เป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์เพิ่มมากขึ้น

อาการบอกโรค

สำหรับอาการของผู้ป่วยมะเร็งต่อมไทรอยด์มักมาด้วยอาการคลำพบก้อนที่ลำคอ ตำแหน่งของต่อมไทรอยด์จะอยู่หน้าต่อกระดูกคอหอย ซึ่งโดยปกติจะแบนและคลำต่อมไทรอยด์ไม่ได้ เมื่อใดก็ตามที่พบว่าบริเวณดังกล่าวมีก้อนหรือปุ่มปม ควรพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัย ก้อนเหล่านี้มักโตช้ามากและไม่มีอาการจนผู้ป่วยอาจคิดว่าไม่เป็นไรและละเลย

มะเร็งไทรอยด์ถ้าเริ่มเป็นจะไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ นอกจากคลำก้อนที่ต่อมไทรอยด์เจอ ดังนั้นเมื่อพบก้อนบริเวณด้านหน้าลำคอที่เคลื่อนขึ้นลงตามการกลืนน้ำลายควรพบแพทย์ ซึ่งแพทย์จะซักประวัติและตรวจร่างกายเพิ่มเติม โดยจะพบมะเร็งไทรอยด์ในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย แต่ในเพศชายที่มาด้วยก้อนเนื้องอกไทรอยด์จะพบโอกาสเป็นมะเร็งมากกว่า ทั้งนี้มะเร็งไทรอยด์มักพบในผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 20 ปี หรือมากกว่า 70 ปี  มีประวัติก้อนโตเร็ว มีประวัติเคยฉายแสงที่คอมาก่อน หรือมีประวัติเป็นมะเร็งไทรอยด์ในครอบครัว

การตรวจวินิจฉัย

การตรวจร่างกายจะคลำพบก้อนแข็ง ขอบเขตก้อนขรุขระไม่ชัด หรือมีอาการแสดงการกดเบียดอวัยวะข้างเคียง  เช่น  เสียงแหบ หายใจลำบากหรือกลืนลำบาก หลังจากนั้นแพทย์ส่งตรวจเลือดไทรอยด์ฮอร์โมนและตรวจ  Ultrasound  Thyroid ซึ่งแพทย์จะส่งตรวจ Ultrasound เพื่อดูลักษณะก้อนว่าเข้าได้กับก้อนเนื้องอกไทรอยด์จริงหรือไม่ มีจำนวนกี่ก้อน  จาก  Ultrasound  สามารถวินิจฉัยมะเร็งไทรอยด์ได้ แต่การวินิจฉัยที่แน่นอนแพทย์จะทำการตรวจโดยใช้เข็มขนาดเล็ก  เจาะเอาเนื้อจากต่อมไทรอยด์มาตรวจ (Fine Needle Aspiration) ซึ่งง่ายต่อการวินิจฉัยโรคได้ถูกต้องประมาณ 90 % ซึ่งหลังจากวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งไทรอยด์ควรได้รับการผ่าตัด เนื่องจากมะเร็งไทรอยด์ส่วนใหญ่เป็นมะเร็งที่เติบโตช้า การพยากรณ์โรคจะดี ถ้าได้รับการผ่าตัดตั้งแต่ระยะแรกมักจะหายจากโรคได้

รักษามะเร็งต่อมไทรอยด์

เมื่อผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์ การรักษาที่สำคัญที่สุดคือ การรักษาด้วยการผ่าตัด โดยอาจพิจารณาให้การรักษาเพิ่มเติมด้วยรังสีไอโอดีนหลังผ่าตัดในบางกรณี สำหรับการรักษาด้วยรังสีรักษาและเคมีบำบัด ไม่มีที่ใช้ในการรักษามะเร็งไทรอยด์ชนิดที่พบบ่อย

รู้ทันมะเร็งต่อมไทรอยด์ก่อนลุกลาม

ผ่าตัดมะเร็งต่อมไทรอยด์

การผ่าตัดมะเร็งต่อมไทรอยด์ ประกอบด้วยการตัดต่อมไทรอยด์ออกทั้งหมด (thyroidectomy) หรือตัดออกบางส่วน (thyroid lobectomy ) และอาจมีการจำเป็นต้องตัดต่อมน้ำเหลืองโดยรอบที่เกี่ยวข้อง (lymph node dissection) ในกรณีที่ตรวจพบว่าอาจจะมีการกระจายไปต่อมน้ำเหลืองออกไปด้วย โดยในปัจจุบันแพทย์จะเก็บรักษาต่อมพาราไทรอยด์ ซึ่งติดอยู่ทางด้านหลังของต่อมไทรอยด์เพื่อป้องกันภาวะแคลเซียมต่ำในกระแสเลือดหลังผ่าตัด และเก็บรักษาเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงสายเสียง เพื่อป้องกันภาวะเสียงแหบหลังผ่าตัดให้กับผู้ป่วยทุกราย

ก่อนผ่าตัดผู้ป่วยจะได้รับการตรวจร่างกายโดยรวมเพื่อลดความเสี่ยงในการดมยาสลบก่อนผ่าตัด การผ่าตัดมะเร็งต่อมไทรอยด์ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หรืออาจจะมากกว่านั้นแล้วแต่กรณี หลังผ่าตัดผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารทางปากได้ตามปกติ  และจะต้องรับการรักษาแบบผู้ป่วยในประมาณ 3 – 5 วัน เมื่อแน่ใจว่าไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ ผู้ป่วยจึงจะได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลและกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน

ต่อมไทรอยด์ที่ถูกตัดออกไปจะถูกนำส่งให้พยาธิแพทย์ทำการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์อย่างละเอียด หากพบว่า มีลักษณะของการกระจายหรือมีแนวโน้มว่าจะมีการกระจายของเซลล์มะเร็งไปยังอวัยวะอื่น ผู้ป่วยจะได้รับคำแนะนำให้รับการรักษาด้วยรังสีไอโอดีนเพิ่มเติม ซึ่งมักเริ่มให้การรักษาด้วยวิธีนี้หลังเสร็จสิ้นการผ่าตัดไปแล้ว 4 สัปดาห์ ในการรักษาด้วยรังสีไอโอดีนผู้ป่วยจำเป็นต้องรับการรักษาตัวในโรงพยาบาลประมาณ 2 – 4 วัน และจะได้รับการอนุญาตให้ออกจาก โรงพยาบาลเมื่อระดับรังสีที่ถูกขับถ่ายออกจากร่างกายทางปัสสาวะและอุจจาระอยู่ในระดับที่ปกติ เพื่อป้องกันการแพร่รังสีไปให้กับคนใกล้ชิดโดยไม่จำเป็น

 

การรักษามะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิดที่เป็นบ่อยได้ผลดีมากหากได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ โอกาสพบโรคแทรกซ้อนอยู่ในเกณฑ์ต่ำ หากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานและศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยเฉพาะ อัตราเกิดซ้ำอยู่ในเกณฑ์ต่ำ หลังการรักษาผู้ป่วยสามารถกลับไปมีคุณภาพชีวิตได้เหมือนคนปกติ

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านโรคมะเร็ง